วันเด็กแห่งชาติตรงกับวันเสาร์ที่สอง ของเดือนม.ค.ทุกปี เป็นวันหยุดราชการที่มิได้ชดเชยในวันทำงานถัดไป (วันจันทร์) มีการให้คำขวัญวันเด็กทุกปี โดยนายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งในขณะนั้น
งานวันเด็กแห่งชาติจัดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อวันจันทร์แรกของเดือนต.ค. 2498 ตามคำเชิญชวนของ นายวี.เอ็ม. กุลกานี ผู้แทนองค์การสหพันธ์เพื่อ สวัสดิภาพเด็กระหว่างประเทศแห่งสหประชาชาติ เพื่อให้ประชาชนเห็นความสำคัญและความต้องการของเด็ก และเพื่อกระตุ้นให้เด็กตระหนักถึงบทบาทอันสำคัญของตนในประเทศ โดยปลูกฝังให้เด็กมีส่วนร่วมในสังคม เตรียมพร้อมให้ตนเองเป็นกำลังของชาติ
รัฐบาลจัดให้มีคณะกรรมการจัดงานวันเด็กแห่งชาติขึ้นมาคณะหนึ่ง ทำหน้าที่ประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจ และเอกชน กำหนดให้มีการฉลองวันเด็กแห่งชาติทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค
จุดประสงค์เพื่อให้เด็กทั่วประเทศทั้งในระบบโรงเรียนและนอกระบบโรงเรียน ได้รู้ถึงความสำคัญของตน เกี่ยวกับสิทธิ หน้าที่ ความรับผิดชอบ ระเบียบวินัย ที่มีต่อตนเองและสังคม มีความยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
งานวันเด็กแห่งชาติจัดขึ้นทุกปีในวันจันทร์แรกของเดือนต.ค. ถึงปี 2506 และในปี 2507 ไม่สามารถจัดงานวันเด็กได้ทัน จึงได้เริ่มจัดอีกครั้งในปี 2508 โดยเปลี่ยนเป็นวันเสาร์ที่สอง ของเดือนม.ค. เนื่องจากเห็นว่าเป็นช่วงหมดฤดูฝนและเป็นวันหยุดราชการ จนถึงทุกวันนี้
คำขวัญวันเด็กเป็นคำขวัญที่นายกรัฐมนตรีมอบให้เด็กไทย เนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติของทุกปี โดยคำขวัญวันเด็กมีขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2499 ในสมัยที่จอมพล ป.พิบูลสงคราม ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ว่า"จงบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นและส่วนรวม"
ตั้งแต่ปี 2502 จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้ให้คุณค่าความสำคัญของเด็ก จึงมอบคำขวัญให้เป็นข้อคติเตือนใจสำหรับเด็กปีละ 1 คำขวัญ (ก่อนถึงวันเด็กแห่งชาติ) นายกรัฐมนตรีสมัยต่อมาจึงได้ถือเป็นธรรมเนียมสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
ความสำคัญของวันเด็กแห่งชาติ
เพื่อให้เด็กทั่วประเทศทั้งในระบบโรงเรียนและนอกระบบโรงเรียน ได้รู้ถึงความสำคัญของตน เกี่ยวกับสิทธิ หน้าที่ ความรับผิดชอบ ระเบียบวินัย ที่มีต่อตนเองและสังคม มีความยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
ประเทศไทยนั้นมีประชากรที่เป็นเด็กที่มีอายุไม่เกิน 14 ปี เป็นจำนวนประมาณร้อยละ 24 หรือ 15.36 ล้านคนจากจำนวนประชากร 64 ล้านคน ทั่วโลกถือว่าเด็กเป็นอนาคตที่สำคัญของชาติ การจัดงานวันเด็กจึงถือเป็นวันสำคัญของแต่ละชาติตามแต่ความเหมาะสม นอกจากจัดงานแล้วนายกรัฐมนตรีแต่ละท่าน ตั้งแต่จอมพลแปลก พิบูลสงคราม จนถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้มีคำขวัญมอบให้เด็กเนื่องในโอกาสงานวันเด็กแห่งชาติทุกปี
คำขวัญวันเด็กแต่ละปีนั้นเป็นคติเตือนใจที่ให้ข้อคิดแก่เด็ก คำขวัญแรกในวันที่ 3 ตุลาคม 2499 เป็นของจอมพลแปลกมีข้อความว่า จงบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นและส่วนรวม ส่วนคำขวัญในปีนี้เป็นของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีคนที่ 27 มีข้อความว่า ฉลาดคิด จิตบริสุทธิ์ จุดประกายฝัน ผูกพันรักสามัคคี
นอกจากคำขวัญของนายกรัฐมนตรีแล้ว กรมประชาสัมพันธ์ ได้จัดทำเพลงเด็กเอ๋ยเด็กดี ขึ้นมาเป็นเพลงที่มีเนื้อหาเตือนใจเด็กและเยาวชนเพื่อให้ระลึกถึงสิ่งที่ตน ควรทำ ประพันธ์เนื้อร้องโดยนางชอุ่ม ปัญจพรรค์ และทำนองโดย ครูเอื้อ สุนทรสนาน เพลงนี้จะเปิดในวันเด็กแห่งชาติอยู่เสมอ
เนื้อเพลงได้แจกแจงหน้าที่ของเด็กดีว่าต้องมีหน้าที่ 10 ประการด้วยกันคือ นับถือศาสนา รักษาธรรมเนียมมั่น เชื่อฟังพ่อแม่ครูอาจารย์ มีวาจาสุภาพอ่อนหวาน มีความกตัญญู รู้รักการงาน ศึกษาให้มีความเชี่ยวชาญ มีความขยันมานะอดทนไม่เกียจคร้าน รู้จักออมและประหยัด มีความซื่อสัตย์ มีน้ำใจนักกีฬาและทำตนให้เป็นประโยชน์ รู้บาปบุญคุณโทษและรู้จักรักษาสมบัติของชาติ
คำขวัญวันเด็กปี 2555
“สามัคคี มีความรู้คู่ปัญญา คงรักษาความเป็นไทย ใส่ใจเทคโนโลยี”
narak ka ne thanks you .................
ตอบลบ